- ชีวิตมิใช่อะไรอื่น ทว่าคือกรอบความคิด ที่เรามองโลก ผ่านประสบการณ์ของเราเอง ชีวิตดีหรือร้าย จึงมิได้หมายถึงสถานการณ์ภายนอก แต่หมายถึงมุมมองภายในที่เรามีต่อภายนอก ณ ขณะนั้นๆ การดูแลความคิดของตน จึงเป็นการดูแลชีวิตของตนไปโดยปริยาย
- เมื่อช่วงวัยรุ่น เรามั่นใจว่า อะไรๆ จะเป็นอย่างใจเราทุกอย่าง เราวางตนอยู่ในโลกที่เป็นไปได้เสมอ แม้จดจำคำพระมาพูดจนคล่องปาก ว่าอะไร ๆ ล้วนตั้งอยู่ในความไม่เที่ยง แต่เราก็ยังไม่รู้จักความหมายของมันจริง ๆ ความเข้าใจชีวิต มิใช่การที่เราท่องบ่น พูดได้ อธิบายความถูกต้อง ทว่าคือสภาวธรรมภายใน ที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้น ๆ เมื่ออายุมากขึ้น จึงค่อย ๆ เป็นมิตรกับความไม่สมหวังมากขึ้น ความมั่นใจมิได้น้อยลง แต่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น เรามิใช่เทพชั้นฟ้ามาจากไหน เราเพียงคนธรรมดาเดินดินเท่านั้นเอง
- อะไร ๆ ในโลกล้วนตั้งอาศัยอยู่ในบ้านแห่งความเปลี่ยนแปลง ทั้งวัตถุ บุคคล บริบทสังคม กระทั่งกระแสโลก หรือแม้แต่ความคิดภายในของเรา ทุกอย่างลื่นไหล เรื่อยไป ไม่เคยคงที่ จึงมั่นใจได้ว่า ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ คงไม่พูดอีกแล้วว่า “ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้”
- เมื่อก่อน เห็นคนโค่นไม้ใหญ่ไปถวายวัด เราต้องยกมือไหว้ท่วมหัว เพื่ออนุโมทนาบุญ แต่ถึงยุคนี้ ไม่ค่อยแน่ใจนัก เนื่องจากสิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้นไม้กว่าจะโตใช้เวลาหลายสิบปี ตัดโค่นเพียงไม่กี่นาที ก็สิ้นซาก บางทีอาจถึงเวลาต้องทบทวนกันใหม่ ถึงเวลาต้องอนุรักษ์หวงแหนสมบัติโลกให้มากกว่าที่เคยเป็น
- เคยคิดว่า ฉันเป็นคนแบบนั้นแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ความเป็นเรา เนื่องด้วยสถานการณ์นั้น ๆ เข้ามาผสม ไม่ใช่เกิดจากเราเพียงฐานเดียว อะไร ๆ ก็เกิดจากเหตุปัจจัยหลายอย่าง อยู่กับคนใจร้อน เราคือคนใจเย็น อยู่กับคนใจเย็นกว่าเรา เราก็เป็นคนใจร้อน ดังนั้น จงอย่ายึดมั่นถือมั่นว่าเราเป็นอะไร ๆ เมื่อไม่มีตัวตนตายตัว ชีวิตจะลื่นไหล ไร้ความขัดแย้งกับตนเอง
- หากมองผิวเผินเราต่างเห็นแก่ตัว แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปอีก ผ่าทะลุความเห็นแก่ตัวเข้าไป เราจะเห็นความเมตตาของตนเองที่ซ่อนอยู่ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา แท้จริงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแต่เราเกิดมาในยุคสมัยแห่งการแข่งขัน ยังไม่ทันได้มีเวลาคิด ไตร่ตรองว่าชีวิตคืออะไร เขาก็จับเราเข้าลู่วิ่งแห่งการแก่งแย่งแล้วเสร็จสรรพ ดังนั้นจงอย่าสิ้นหวัง จงปลุกตัวตนที่แท้จริงของตนเองขึ้นมา เราทำได้ดีกว่านี้ เรามีความเมตตา แบ่งปันได้มากกว่านี้
- ความรัก คือ ศาสนาสำคัญของโลก นำโลกข้ามผ่านความขัดแย้งทั้งหลาย รักในที่นี้คือความเมตตา คือความปราถนาให้ผู้อื่นมีความสุข บางทีความสุขแท้ที่เราตามหา อาจตามหาไม่ได้จากใครที่ไหน ทว่าเห็นได้ ครอบครองได้ผ่านใจที่มีความรักของเราเอง ความรักและความเมตตา คือรากฐานที่สำคัญของศาสนาทั้งหลาย แม้ผู้ไม่มีศาสนา หากจิตใจมีความรักและความเมตตาแล้ว ก็เป็นอันว่าบุคคลผู้นั้น เข้าถึงศาสนาสากลได้อย่างสมบูรณ์
- เมื่อพูดถึงคำว่า ประสบการณ์ เรามักมองคำ ๆ นี้ในเชิงบวก ย่อมรู้สึกว่า ปัญหาใด ๆ ก็ผ่านได้ด้วยประสบการณ์ นั่นคือความจริงเพียงด้านเดียว เพราะประสบการณ์มิได้แก้ปัญหาชีวิตเท่านั้น แต่ทุกปัญหาของชีวิตก็เริ่มต้นด้วยประสบการณ์ทั้งสิ้น เช่นนี้หากมองในลึก เราจะเห็นว่า เราเป็นทาสของประสบการณ์ตนเอง หนทางเอาชนะความทุกข์ที่แท้ จะใช้ประสบการณ์ไม่ได้ ทว่า ต้องใช้บางสิ่งที่อยู่เหนือประสบการณ์ มองประสบการณ์เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบัน ณ ขณะนั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญกว่า
- คำว่าอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ มิได้แปลว่าเราต้องหนีเข้าป่า และออกท่องทะเล เพราะเราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่แล้ว อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจึงหมายความว่า อยู่เพื่อฟังเสียงใจตน ปัญหาชีวิตเริ่มจากตรงนี้ เริ่มที่เราไม่ฟังเสียงใจตน คำว่าใจตนนี้ มิใช่สิ่งที่กิเลสปรารถนา จงฟังให้ดี ข้ามผ่านเสียงแห่งความอยากมี อยากได้ อยากเป็น เราจะได้ยินเสียงผู้รู้ในตน
- ชีวิตที่ด้านชา คือชีวิตที่เต็มไปด้วยทุกข์ ความด้านชามักเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตโดยไม่สังเกต เราเร่งรีบ เราจึงไม่ได้ยินเสียงนกร้อง เรามัวแต่มองเอกสาร มองโทรศัพท์ เราจึงไม่เคยเห็นสิ่งอื่น จึงไม่เคยนึกขอบคุณดวงตา แขนขา ชีวิตเราพุ่งทะยานสู่ภายนอกเสมอ เราจึงรู้จักตนเองน้อยลงทุกที ชีวิตเราเริ่มตัดขาดจากความประณีต หยาบคายมากขึ้น ๆ ความสุขที่เคยมีง่าย ๆ จึงมียากขึ้นด้วยเหมือนกัน
- งานที่ดี คืองานที่เลี้ยงตัวเองได้ สร้างความหมายในบางสิ่ง ทำแล้วเกิดความรู้สึกว่าเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ที่จริง งานไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ผู้ทำงานต้องมีอุบายอันแยบคายที่จะให้ความหมายลึกซึ้งกับการงานของตน ไม่ดูถูกการงานของตน การไม่ดูถูกการงานของตนนี้ ทำได้ด้วยรักษาหน้าที่ของตนไว้ให้บริสุทธิ์ จะทำสิ่งใด จงตั้งใจทำ ทำให้ดี ทำด้วยความเพียร ด้วยการนึกถึงประโยชน์ผู้อื่นเป็นสำคัญ สิ่งนี้คือศิลปะแห่งการทำงาน ช่วยให้เราไม่เกิดความโลภระหว่างทำงาน เมื่อไม่มีความโลภขณะทำงาน จึงเกิดเป็นความสำเร็จโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ แม้เกิดความร่ำรวย ความร่ำรวยของ เราจะไม่เบียดเบียนคนจน แต่จะเป็นความร่ำรวยที่เป็นดังแม่น้ำใหญ่ เป็นที่พึ่งพาของทุกชีวิต เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ทุกฝ่าย
- คนในครอบครัว คือฐานของกำลังใจ ไม่สำคัญว่า เขาจะเข้าใจเราหรือไม่ หรือดีกับเราหรือไม่ โลกนี้เต็มไปด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอย แต่นั่นมิใช่เหตุผลที่เราจะทอดทิ้ง บางคนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คนในครอบครัว คือสายใยเชื่อมโยงอันบางเบา ไม่อาจตัดขาด ทำลาย เมื่อไหร่ที่ตัดขาดทำลาย บาดแผลย่อมลงลึก คล้ายเอามีดกรีดใจตนเอง จงเข้มแข็งพอที่จะให้อภัยแม้ไม่สมเหตุสมผล โลกนี้มีหลายเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผล ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดคือหนึ่งในนั้น
- ในยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ ขอให้เราจงมีจิตใจหนักแน่นกว่าเดิม ท่ามกลางเกลียวคลื่นในมหาสมุทร ใจต้องนิ่ง อีกไม่ไกลนับจากนี้ จักรกลไร้ชีวิตจักประสานทำงานร่วมกับมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อ บนหนทางไกล ยากยิ่งคาดคะเนได้ มุมมองชีวิตจำเป็นต้องเปิดกว้าง ยืดหยุ่น จึงอยู่รอด มนุษย์มีสิ่งหนึ่งซึ่งไม่อาจเลียนแบบ คือความรัก ความเมตตา และความเสียสละ พัฒนาความเป็นมนุษย์ให้ก้าวหน้า เพื่อไม่ถูกครอบงำด้วยจักรกลไร้ชีวิต
- จงเปลี่ยนโลกทั้งใบจากศูนย์กลางแห่งใจตน โลกไม่อาจเปลี่ยนจากนอกสู่ใน แต่เปลี่ยนจากในสู่นอก แม้มุ่งเปลี่ยนภายนอก โดยไม่สนใจภายในตน เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา มนุษย์ยุคใหม่ ต้องพัฒนาทักษะการทำงานให้สูงส่ง พร้อมกับลดทอนกิเลสของตนลง จะเอาอย่างยุคสมัยเก่า ที่เพิ่มพูนกิเลส เพื่อใช้กิเลสเสกสรรค์นวัตกรรมไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว ความเจริญของโลก จะกลายเป็นเครื่องมือของกิเลส เราจะใช้นวัตกรรมที่สร้างมาทำลายโลกเสียเอง
- ความสุขที่เราตามหา เป็นสิ่งได้มาเปล่า ๆ มิต้องแสวงหาเลย ที่เราแสวงหา เป็นความสุขจอมปลอม ที่มาแล้ว ก็ไปโดยธรรมชาติ น่าแปลก ที่เรายังตามหาความสุขแบบนั้นอยู่ การตามหาความสุขของเรา บางครั้งเป็นไปด้วยหนทางเบียดเบียนผู้อื่น เราต้องการเป็นคนชนะ จึงต้องหาผู้แพ้ เราต้องการเป็นผู้นำ จึงจำเป็นต้องมีผู้ตาม เป็นไปได้ไหม ที่เราจะเรียกหา ความเป็นกัลยาณมิตร ไม่ต้องมีทั้งผู้นำ และผู้ตาม เป็นไปได้ไหม ที่เราจะเรียกหาสิ่งที่เรียกว่า หนทางแห่งความเกื้อกูล ทั้งชัยชนะ และความพ่ายแพ้ จักไม่มีอยู่อีกต่อไป สิ่งนี้คือความฝันเลื่อนลอย ทว่า เราจำต้องกล้าหาญ จุดแสงสว่างนี้ให้เกิดขึ้น ด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
- ขอให้เราทุกคน จงมีความสุขกับสิ่งที่เป็น ขับเคลื่อนชีวิตจากตรงนี้ เคลื่อนจากความรู้สึกว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่มีความหมายสมบูรณ์อยู่แล้วด้วยตัวเอง หากเรารู้สึกเช่นนี้ คำว่าพัฒนาจะไม่ทำลายโลก คำว่าความก้าวหน้า จะไม่ขีดเส้นแบ่งแยกระหว่างภายในกับภายนอก ระหว่างวัตถุและจิตใจ เทคโนโลยี จักเป็นเครื่องมือของเรา มิใช่เราเป็นเครื่องมือของเทคโนโลยี จงมีความสุขทันที ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เพราะนี่คือวิธีเดียวที่เราจะเข้าถึงความสุขแท้ ความสุขแท้ คือหนทางแท้ หนทางแท้ เราต่างมีอยู่แล้วในตน จงมองข้างใน แล้วเราจะเห็น จงเดินตามเส้นทางนั้น แล้วพวกเราจะได้พบกัน
- เธอใช่ไหมคือชีวิต ฉันเฝ้าถาม และหาความหมาย ถึงวันหนึ่งจึงได้รู้ว่า เธออยู่ภายในฉัน เธอเป็นความฝัน และเป็นสิ่งที่ฉันคิด เมื่อฉันคิดสิ่งใด สิ่งนั้นจักกลายเป็นชีวิตของฉัน ต่อเมื่อฉันเห็นความคิด ฉันจึงเห็นชีวิตแท้ ๆ ที่ไร้การครอบงำใด ๆ สิ่งนี้คือของขวัญทรงคุณค่าที่ว่างเปล่า ความว่างเปล่าเป็นสิ่งมีค่าได้ด้วยหรือ เพื่อนทั้งหลาย จงคิดดูเถิด หากไร้ความว่างเปล่าเสียแล้ว สิ่งเติมเต็ม ที่เราจะเติมเต็ม เราจะเต็มเติมไว้ที่ใดเล่า
- ขอบคุณที่เธออ่านมาถึงตรงนี้ ฉันดีใจที่เราได้ใช้ลมหายใจร่วมกันบนโลกใบนี้ ในยุคสมัยนี้ที่ใคร ๆ เล่าลือว่ามันจะโหดและหนัก ไม่เป็นไรหรอก ฉันยังมั่นใจว่าพวกเราช่วยกันได้ เธอดับไฟในใจของเธอ ส่วนฉันก็จะดับไฟในใจของฉัน เราจะสอนลูกหลานของเรา ไม่ให้เขาจุดไฟเผาโลก ความหวังเป็นสิ่งสวยงามเสมอ จงอย่าหมดหวัง อย่าหมดสิ้นศรัทธาในโลกใบนี้เชื่อเถอะ เราช่วยกันทำทุกสิ่งให้ดีกว่านี้ได้ ขอบคุณเธอมากนะ สำหรับความรู้สึกดี ๆ ที่ให้มา เธอรู้ไหม ฉันได้รับทั้งหมดนั้นแล้ว…
